
เคยเจอปัญหาเหล่านี้กันหรือเปล่า? รถสตาร์ทไม่ติด หรือ ระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์ทำงานได้ช้ากว่าปกติ อาจเกิดได้จาก ‘แบตเตอรี่รถยนต์’ หมด หรือ เสื่อมสภาพ หากจะต้องเปลี่ยนใหม่ รถของเราต้องใช้แบตเตอรี่ความจุเท่าไหร่ มีวิธีการดูแลรักษายังไงให้ใช้ได้นานๆ Mazda City จะมาอธิบายให้เข้าใจอย่างง่ายๆ ดังนี้ค่ะ
อธิบายคร่าวๆ ก่อนว่าแบตเตอรี่รถยนต์จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้า แต่เป็นแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้าสำรอง เมื่อใดก็ตามที่ไดชาร์จ (เครื่องปั่นไฟในรถ) ที่เป็นอุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้าไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ทัน ยกตัวอย่างเช่น การขับขี่ในเวลากลางคืนที่ทำให้ใช้ระบบไฟมากกว่าปกติ กรณีนี้ก็จะไปดึงกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่มาใช้ ขณะเดียวกันถ้าไดชาร์จทำงานได้ดี หมุนเร็วขึ้น ทำให้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากก็จะมีกระแสไฟฟ้าเหลือจากการใช้งาน ซึ่งจะถูกส่งกลับไปเก็บเป็นพลังงานสำรองที่แบตเตอรี่จนกว่าจะเต็ม ซึ่งก็หมายความว่า ในขณะที่เครื่องยนต์สตาร์ทติดและทำงาน ไดชาร์จทำหน้าที่ปะจุไฟเข้าแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง กระแสไฟถูกจ่ายออกไปและถูกประจุเข้า หมุนเวียนเข้าออกตัวแบตเตอรี่รถยนต์อยู่เสมอ
แบตเตอรี่รถยนต์ ปกติจะมีอายุการใช้งานประมาณ 1.5 – 2 ปี หลังจากวันผลิต หรือ 40,000 กิโลเมตร แต่ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของเราด้วย ดังนั้น ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ตามระยะเวลาที่กำหนด ไม่ควรใช้งานนานกว่า 3 ปี


เอ้า! แบบนี้ก็ดูเหมือนว่าแบตเตอรี่ไม่น่าจะหมดได้ไม่ใช่หรอ?
ใช่แล้วล่ะ! แต่ก็มีกรณีที่ทำให้ไฟฟ้าในแบตเตอรี่หมดได้เหมือนกันนะ ถ้าหากว่ารถยนต์ของเราจอดนิ่งๆ นานเป็นสัปดาห์ หรือ ตัวไดชาร์จผิดปกติ ทำให้ผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อการใช้งานในระบบต่างๆ ภายในตัวรถ ก็จะมีการดึงไฟฟ้าออกจากแบตเตอรี่ไปใช้เรื่อยๆ จนหมด ต้องซ่อมระบบไดชาร์จหรือใช้วิธีชาร์จเร็ว ซึ่งต้องนำรถเข้าศูนย์ซ่อม หรืออีกวิธีคือจั้มแบตทำให้เครื่องยนต์ติด แล้วให้ไดชาร์จประจุไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่ สามารถอ่าน วิธีการจั้มแบตรถยนต์ ได้เลย แต่วิธีนี้ไม่แนะนำให้ทำบ่อยเพราะอาจจะทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่สั้นลงได้ค่ะ อีกกรณีที่ทำให้แบตเตอรี่ไม่เหลือไฟฟ้าอยู่เลยก็คือ แบตเตอรี่รถยนต์หมดอายุการใช้งาน หรือ เสื่อมสภาพ ทำให้ไม่สามารถเก็บประจุไฟฟ้าได้อีกต่อไป ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแบตแล้วล่ะ
แล้วจะเลือกซื้อแบตเตอรี่แบบไหนดีนะ?
วิธีการเลือกซื้อแบตเตอรี่รถยนต์ที่ทำให้ได้ของใหม่ ควรซื้อจากตัวแทนจำหน่ายโดยตรงจากโรงงาน และทุกครั้งเมื่อเราเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ ควรเช็กดูตัวเลขที่อยู่กับตัวแบตเตอรี่ด้วยนะ ตามรูปด้านล่างนี้เลยค่ะ
แบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์ มีอยู่ด้วยกัน 4 ชนิด
- แบตเตอรี่น้ำ เป็นประเภทแบตเตอรี่ดั้งเดิม ราคาจะถูกกว่า อายุการใช้งานจะนานกว่าเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ชนิดอื่น แต่แบตเตอรี่ชนิดนี้ต้องหมั่นดูแลบ่อยๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เติมน้ำกลั่นให้ได้ระดับอยู่เสมอ
- แบตเตอรี่ไฮบริด เป็นประเภทแบตเตอรี่ที่มีการพัฒนาเพิ่มเติม เติมน้ำกลั่นบ้าง ประมาณ 6 – 9 เดือนต่อ 1 ครั้ง แรงสตาร์ทจะมีมากกว่าประเภทแบตเตอรี่น้ำ
- แบตเตอรี่กึ่งแห้ง เป็นแบตเตอรี่แห้งที่ยังสามารถเติมน้ำได้นั้น มีการพัฒนาตัวแผ่นธาตุ การเดินโครงตะกั่ว ส่วนผสมเพิ่มเติม และ ระบบฝาสองชั้น ทำให้สามารถลดการสูญเสียของน้ำกรดไปได้ค่อนข้างสูง แอมป์สูงขึ้น แรงสตาร์ทมาก เช็กระดับน้ำกลั่นปีละ 1 ครั้ง ราคาไม่แตกต่างกับแบตเตอรี่ชนิดอื่นมากนัก
- แบตเตอรี่แห้ง เป็นแบตเตอรี่ที่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นเลยตลอดอายุการใช้งาน ไม่ต้องคอยเช็ก แอมป์สูง แรงสตาร์ทมาก รับประกันนานที่สุด (ในบางยี่ห้อ) แต่ก็มีข้อที่ด้อยกว่าแบตเตอรี่แบบน้ำคือ ราคาสูงและไม่สามารถสต๊อกไว้ได้นาน
สำหรับรถยนต์มาสด้าควรเลือกใช้แบตเตอรี่ความจุตามนี้เลยค่ะ
New Mazda 2 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 1,299 ซีซี และ เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1,499 ซีซี ควรใช้แบตเตอรี่ที่มีความจุของแอมป์ 35 – 45 แอมป์
All-New Mazda 3 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 1,998 ซีซี ควรใช้แบตเตอรี่ที่มีความจุของแอมป์ 45 – 60 แอมป์
New Mazda CX-3 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 1,998 ซีซี และ เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1,499 ซีซี ควรใช้แบตเตอรี่ที่มีความจุของแอมป์ 45 – 60 แอมป์
New Mazda CX-5 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 1,998 ซีซี, เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซินเทอร์โบ 2,488 ซีซี และ เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 2,191 ซีซี ควรใช้แบตเตอรี่ที่มีความจุของแอมป์ 60 – 80 แอมป์
All-New Mazda CX-8 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2,488 ซีซี และ เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 2,191 ซีซี ควรใช้แบตเตอรี่ที่มีความจุของแอมป์ 60 – 80 แอมป์
All-New Mazda CX-30 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 1,998 ซีซี ควรใช้แบตเตอรี่ที่มีความจุของแอมป์ 45 – 60 แอมป์
Mazda BT-50 เครื่องยนต์เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์, VN เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ 2,198 ซีซี และ 3,198 ซีซี ควรใช้แบตเตอรี่ที่มีความจุของแอมป์ 60 – 100 แอมป์
New Mazda MX-5 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 1,998 ซีซี ควรใช้แบตเตอรี่ที่มีความจุของแอมป์ 45 – 60 แอมป์
วิธีการยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่

- เติมน้ำกลั่นให้ได้ระดับเสมอ ในแบตเตอรี่แต่ละรุ่นจะมีตาแมว ให้สังเกตไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่ตามรูปค่ะ
- แบตเตอรี่แบบน้ำ ให้ดูระดับน้ำทุกๆ สัปดาห์
- แบตเตอรี่แบบไฮบริด ให้ดูระดับน้ำทุกๆ 6 เดือน
- แบตเตอรี่แบบกึ่งแห้ง ให้ดูระดับน้ำ ทุก 1 ปี
- แบตเตอรี่แบบแห้ง ไม่ต้องดูระดับน้ำ
- ตรวจดูและปิดสวิทซ์ไฟทุกครั้งหลังดับเครื่องยนต์
- ไม่ได้ใช้แบตเตอรี่นานควรติดเครื่องยนต์อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 – 3 ครั้ง
- ตรวจสายไฟ ตรวจระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์ ทุกๆ 6 เดือน
- ไดชาร์จ หรือ ไดนาโมรถยนต์ชำรุด ไม่ทำงาน สังเกตได้จากไฟแจ้งเตือนรูปแบตเตอรี่โชว์ขึ้นที่หน้าปัด หรือ รอบเครื่องยนต์ตก เร่งไม่ไปจนเครื่องยนต์ดับ ก็เดาได้เลยว่าอาจจะมีปัญหา ให้ซ่อมแซมพร้อมกับอัดไฟแบตเตอรี่
- ขั้วต่อแบตเตอรี่ไม่แน่น หลวม หรือชำรุด จะทำให้กระแสไฟในรถไม่สม่ำเสมอ เกิดการกระชาก ระบบไฟฟ้าในรถยนต์หยุดทำงาน รถที่วิ่งอยู่อาจจะดับกลางทางได้ บางกรณีอาจทำให้ขั้วแบตละลายได้เลย แนะนำให้เปลี่ยนขั้วใหม่ หากเชี่ยวชาญก็แนะนำให้ใช้วิธีตอกน็อตหรือขันน็อตลงไปที่ขั้วแบตให้แน่นขึ้น
- ดูแลแบตเตอรี่ให้สะอาดเสมอ กรณีหากเกิดขี้เกลือ (ลักษณะคล้ายผงแป้งสีขาว หรือ ฟ้า) ที่ขั้วของแบตเตอรี่ ให้ถอดขั้วออก ทำความสะอาดทั้งขั้วบนแบตเตอรี่และขั้วบนสายไฟฟ้า พร้อมเคลือบด้วยจาระบีหรือน้ำมันเครื่อง หากไม่มีความรู้เรื่องกลไก ใช้น้ำอุ่นราดผ่านก็เพียงพอในระดับหนึ่งค่ะ
Related posts:
เปิดตัว ALL NEW MAZDA3 ปี 2019 รถยนต์เจเนอเรชั่นใหม่
เปิดตัว ALL NEW MAZDA3 ปี 2019
เปิดตัว ALL NEW MAZDA3 ปี 2019
มาสด้า ซิตี้ เพื่อ "มูลนิธิพันธกิจเรือนจำคริสเตียน"
มาสด้า ซิตี้ เพื่อ "มูลนิธิพันธกิจเรือนจำคริสเตียน"
มาสด้า ซิตี้ เพื่อ "มูลนิธิพันธกิจเรือนจำคริสเตียน"
ข้อควรรู้ก่อน "ซื้อรถ" เมื่อไม่มีประสบการณ์
การเลือกซื้อรถคันแรกทำให้เราต้องหารายละเอียดอย่างถี่ถ้วนเพื่อเป็นตัวช่วยการตัดสินใจ และทำให้เรามั่นใ...
การเลือกซื้อรถคันแรกทำให้เราต้องหารายละเอียดอย่างถี่ถ้วนเพื่อเป็นตัวช่วยการตัดสินใจ และทำให้เรามั่นใ...