10 ขนมไทย ตำรับโบราณจาก “ท้าวทองกีบม้า” ราชินีแห่งขนมไทย

10 ขนมไทย ตำรับโบราณจาก “ท้าวทองกีบม้า” ราชินีแห่งขนมไทย

ขนมไทย ตำรับโบราณจาก “ ท้าวทองกีบม้า ” ราชินีแห่งขนมไทย เรียกได้ว่ากำลังเข้มข้นเลยทีเดียวสำหรับละครเรื่อง “ บุพเพสันนิวาส ” ที่กำลังมาแรง!! ดังเป็นพลุแตก ไม่ว่าจะเป็นตัวละครในเรื่อง ร่วมไปถึงฉากที่มีเมนูอาหารมายั่วน้ำลายกันตอนกลางดึกๆ แหม๋…เล่นเอาแอดมินไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะต้องลุกมาหาของกินกันเลยทีเดียวเชียว

มารี กีมาร์ หรือแม่มะลิ ในละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส แสดงโดย สุษิรา แองจิลีน่า แน่นหนา นอกจากนี้ตัวละครที่อยู่ในเรื่องนี้หลายท่านก็มีตัวตนอยู่จริงๆ และแต่ละท่านก็ มีประวัติที่น่าสนใจ อยากจะรู้ จนทำให้หลายๆ คนที่ชมละครเรื่องนี้ต้องไปค้นหาข้อมูลของแต่ละท่านมาอ่านมาศึกษากันมากมาย อย่างวันนี้ H&C เลยไม่พลาดที่จะไปค้นหาข้อมูลเรื่องราวของตัวละครที่มีอยู่จริงบ้าง

ปกนิยายเรื่อง “ท้าวทองกีบม้า” โดยคึกเดช กันตามระ สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

แน่นอนค่ะว่าเป็น H&C ทั้งที ต้องขอทราบข้อมูลของ บุคคลสำคัญท่านนี้ “ท้าวทองกีบม้า” หรือ มารีอา กูโยมาร์ เด ปิญญา (Maria Guyomar de Pinha) เป็นที่รู้จักกันในชื่อ มารี กีมาร์ เป็นหนึ่งในตัวละครที่มีบทบาทสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ “ ขนมไทย ” ของเราอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ (ติดคำพูดในละครมาเชียว)

หลายๆ คนคงจะนึกว่า “ขนมไทย” บางอย่างที่เรารู้จักนั้นเป็นเมนูขนมไทยแท้ๆ แต่ความจริงนั้นขนมไทยของเราก็มีต้นกำเนิดมาจากหลายๆ เชื้อชาตินะ และขนมไทยที่จะพูดถึงในวันนี้มาจากสุภาพสตรีที่อาศัยอยู่ในช่วงกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ท่านมีชื่อว่า “มารี กีมาร์” ท่านผู้นี้มีเชื้อสายโปรตุเกส เบงกอล และญี่ปุ่น ได้มีหลักฐานว่า มารี กีมาร์มีชื่อเสียงจากการปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าห้องเครื่องต้นวิเสทในราชสำนัก ตำแหน่ง ” ท้าวทองกีบม้า ” ซึ่งมีหน้าที่คิดค้นสูตรอาหารใหม่ๆ และปรุงอาหารภายในราชสำนัก ว่ากันว่าท่านผู้นี้นั้นได้เป็นคนประดิษฐ์ขนมไทยที่นำตำรับเดิมของโปรตุเกสมาประยุกต์เข้าด้วยกัน โดยนำเอาวัตถุดิบท้องถิ่นมาผสมผสานจนกลายเป็นขนมไทยที่รู้จักกันจนถึงทุกวันนี้

วัตถุดิบหลักที่นำมาปรุงเป็นขนมนั้น ได้แก่ มะพร้าว แป้ง และน้ำตาล สูตรขนมไทยที่ มารี กีมาร์ หรือ ท้าวทองกีบม้าได้คิดค้นขึ้น นั้นมีหลายอย่างเลยค่ะ อาทิ ทองหยิบ , ทองหยอด , ฝอยทอง , ทองม้วน , ทองพลุ ,ทองโปร่ง , กะหรี่ปั๊บ , สังขยา , ขนมผิง , สัมปันนี , ขนมขิง , ขนมไข่เต่า ขนมบ้าบิ่น , ลูกชุบ และ ขนมหม้อแกง ซึ่งขนมหม้อแกงนี้ท้าวทองกีบม้าได้คิดค้นขึ้นจากไข่ขาว เดิมเรียกว่า ขนมกุมภมาศ หรือขนมหม้อทอง แต่เรารู้จักกันในนามว่าขนมหม้อแกงนั่นเองค่ะ นอกจากท่านจะเป็นคนคิดค้นสูตรอาหารต่างๆ แล้วท่านยังช่วยสอนให้เหล่าคนที่อยู่ห้องเครื่องและคนในวังได้ฝึกทำขนมเหล่านี้อีกด้วย จนได้สมญาว่าเป็น “ราชินีแห่งขนมไทย” นั่นเอง เราไปทำความรู้จักกับขนมไทย ของท่านกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง

1. ทองหยิบ ขนมไทย มีลักษณะคล้ายกับดอกไม้ มีสีเหลืองทอง ซึ่งทำมาจากไข่แดงนำมาตีให้เนื้อเนียนฟู จากนั้นนำมาหยดลงในน้ำเชื่อม พอสุกแล้วนำขึ้นมาจับจีบให้เหมือนกับดอกไม้ในถ้วยเล็กๆ มีรสหวาน และยังเป็นขนมไทยที่มีความหมายอันเป็นมงคลที่นิยมนำมาเป็นขนมมงคลในงานเทศกาลต่างๆ อีกด้วย ทองหยิบ มีความหมายสื่อถึง “ความมั่งคั่งร่ำรวย มีเงินมีทอง” ใช้ไม่ขาดมือ หมายถึงการหยิบเงินหยิบทองเพื่อ “ความรุ่งเรือง” เหมือนกับชื่อที่ใช้เรียก คือคำว่า “ทอง” นั่นเอง

2. ทองหยอด ขนมไทยรสหวานมีสีเหลืองทอง ลักษณะคล้ายกับหยดน้ำกลมๆ ขนาดพอดีคำ ทำจากแป้งผสมกับไข่แดงและน้ำนำมาหยดลงในน้ำเชื่อมที่เดือดจนแป้งสุก นิยมนำมาเป็นขนมในงานมงคลต่างๆ มีความหมายว่าให้ร่ำรวยเงินทอง

3. ฝอยทอง ขนมหวานสีเหลืองทองเส้นยาวที่ทำมาจากไข่แดงตีฟูใส่ในกรวยร่อนเป็นเส้นลงในกระทะน้ำเชื่อมเป็นแพ มีความเชื่อว่าห้ามตัดเส้นฝอยทอง ต้องทำเป็นเส้นยาวๆ ซึ่งในงานแต่งจะ สื่อความหมายถึงการครองรักครองเรือนที่ยาวนาน มีชีวิตที่ยืนยาวเหมือนเส้นของฝอยทอง

4. หม้อแกง ขนมไทยพื้นบ้านที่รับอิทธิพลมาจากต่างชาติตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งขนมหม้อแกงนั้นมีมากมายหลายรสชาติ ทั้ง หม้อแกงเผือก หม้อแกงถั่ว หรือหม้อแกงเม็ดบัว เนื้อแน่น มีรสหวานมันจากกะทิ หอมกลิ่นหอมเจียวที่โรยหน้าขนม

5. ทองม้วน ขนมหวานลักษณะเป็นแผ่นม้วนเป็นวงกลม มีความกรอบ ส่วนผสมคือ แป้ง มะพร้าว น้ำตาลปี๊บ ไข่ไก่ น้ำมันพืช และงาดำ นำส่วนผสมทุกอย่างมาผสมให้เข้ากันจากนั้นเทลงในพิมพ์กลมละเลงให้เป็นแผ่นบางๆ รอให้สุกแล้วจึงม้วนเข้าด้วยกันรอให้แป้งเย็นก็รับประทานได้ เป็นอีกหนึ่งขนมมงคลที่ให้ความหมายว่า การเกาะเกี่ยวเคียงคู่กัน

6. สัมปันนี ขนมสัมปันนี หรือ สัมปะนี เป็นขนมไทยโบราณ จัดว่าเป็นขนมมงคลที่นิยมใช้ในพิธีแต่งงานอีกหนึ่งชนิดหนึ่ง เพราะสมัยก่อนเชื่อกันว่า ขนมสัมปันนี มีความหมายของชื่อคือ อันเป็นที่รัก ปัจจุบันมี สัมปันนี ๒ สูตรคือสูตรกรอบอร่อย และสูตรนุ่มละมุนลิ้นแบบไม่ต้องอบ

7. กะหรี่ปั๊บ เป็นของหวานและอาหารคาวได้ในคราวเดียวเลย ทำจากแป้งสาลี ห่อไส้ที่ผสมผงกะหรี่ พับครึ่งแล้วจีบริมแป้งให้เป็นเกลียวสวยงามแล้วนำมาทอดในน้ำมัน ส่วนไส้ของขนมชนิดนนี้จะมีรสเค็ม และรสหวาน เมื่อทานจะได้กลิ่นหอมของเครื่องแกงกะหรี่ สันนิษฐานว่าน่าจะดัดแปลงมาจากขนมโปรตุเกส ที่เรียกว่า ปัสแตล

8. ลูกชุบ เมนูนี้คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีเพราะเป็นเมนูที่นิยมทำเพราะเราสามารถปั้นเป็นรูปต่างๆ ได้และมีสีสันสดใส ซึ่งทำมาจากถั่วเขียวบดกวนนำมาปั้นเป็นรูปร่างต่างๆ ที่เราเห็นกันมักจะเป็นรูปผลไม้ จากนั้นนำแต่งแต้มสีสันให้สวยและชุบกับวุ้นรอให้แห้งเพียงเท่านี้ก็นำมาขึ้นสำรับได้แล้วค่ะ

9.ขนมผิง ขนมที่มีลักษณะเป็นกลมๆ ขนาดพอดีคำ ทำมาจากแป้งผสมกับน้ำตาลแล้วนำไปอบด้วยไฟบนและไฟล่างจนกรอบ มีสีนวล น้ำหนักเบา เนื้อกรุบกรอบ เนื้อจะละลายในปากมีรสหวานละมุน ขนมผิงถูกเชื่อมโยงกับความรักในแง่มุมของความอบอุ่น นั่นเอง

10. สังขยา เป็นขนมที่ดัดแปลงมาจาก คัสตาร์ด ซึ่งทำมาจากไข่ น้ำตาล กะทิ นำมากวนให้เข้ากัน มีรสหวาน หอม นิยมทานคู่กับข้าวเหนียว จะยิ่งเพิ่มรสชาติให้กลมกล่อม อร่อยยิ่งขึ้น

สูตร วิธีทำทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง

ส่วนผสมและวิธีทำเป็นอย่างไร ไปดูกันเลยเจ้าค่ะ

  • ไข่เป็น (เฉพาะไข่แดง) 21 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 5 ถ้วย
  • น้ำลอยดอกมะลิ 5 ถ้วย

วิธีทำ

1. ตีไข่แดงด้วยตะกร้อมือให้ขึ้นฟูเล็กน้อย

2. ใส่น้ำตาลทรายและน้ำลอยดอกมะลิลงในกระทะทองเหลือง ยกขึ้นตั้งไฟกลางจนละลาย ตักน้ำเชื่อมแยกไว้ 1 ถ้วย สำหรับแช่ทองหยิบ ส่วนน้ำเชื่อมที่เหลือเคี่ยวให้เดือดและข้น

3. ยกน้ำเชื่อมลงจากเจา ตักไข่แดงหยอดให้เป็นแผ่นกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 ½ นิ้ว ประมาณ 5 ชิ้น แล้วยกขึ้นตั้งไฟอ่อนจนไข่สุก

4. ช้อนแผ่นไข่ที่สุกแล้ว วางลงในถาดที่แยกน้ำเชื่อมไว้

5. ใช้มือจับแผ่นไข่ให้ได้ 3-5 จีบ วางลงในถ้วยตะไล พักให้เย็นสนิทก่อนแกะออกจากถ้วย

เรียบเรียงโดย : Admin Pakkimji
ภาพจาก : Health&Cuisine , ch3thailand.com ,Wikipedia , broadcastthai.com
ข้อมูลอ้างอิง : th.wikipedia

ที่มาของข้อมูล : https://www.baanlaesuan.com/99609/diy/review/marie-guimar/2

ที่มาของข้อมูล : http://goodlifeupdate.com/healthy-food/84365.html


COPYRIGHTS 2019. ALL RIGHTS RESERVED