วิธีการแจ้ง เคลมประกันรถยนต์ ที่ผู้ขับขี่รถยนต์มือใหม่ควรรู้
อุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดคิด ซึ่งแต่ละครั้งก็มีค่าใช้จ่ายจำนวนไม่น้อยสิ่งที่เจ้าของรถขาดไม่ได้เลยคือประกันรถยนต์ที่สามารถคุ้มครองและแบ่งเบาภาระในเวลาเดียวกัน นอกจากผู้ใช้รถจะมีประกันรถยนต์แล้วจะต้องเรียนรู้ขั้นตอนการ เคลมประกันรถยนต์ ไว้ด้วยเพราะถ้าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น เจ้าของรถควรรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง ต้องเคลมยังไง Mazda City รวบรวมข้อมูลที่ผู้ขับรถมือใหม่ควรรู้ไว้ที่นี่
ในปัจจุบันผู้ใช้รถยนต์มีจำนวนสูงขึ้นอย่างมาก เนื่องด้วยปัจจัยหรือสถานการณต่างๆไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบายหรือสถานการณ์โรคระบาดจึงทำให้ผู้คนหันมาใช้รถส่วนตัวมากขึ้น หลายคนคงจะสงสัยว่าทำไมต้องมีการทำประกันภัยรถยนต์รวมไปถึงมีกฎหมายบังคับให้ทำประกันภัยรถยนต์ การทำประกันภัยรถยนต์ถือเป็นการลดความเสี่ยงในการเสียค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุเพื่อที่เจ้าของรถไม่ต้องแบกรับภาระเองทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถนำเงินไปจ่ายค่ารักษาพยาบาล และการเคลมประกันรถยนต์ยังช่วยซ่อมแซมทรัพย์สินที่เสียหาย ซึ่งได้รับการชดเชยจากการทำประกันตามแต่ตกลงไว้กับบริษัทประกัน
หากพูดถึงประโยชน์ของประกันรถยนต์สิ่งแรกที่คนนึกถึงคงเป็นการช่วยในด้านการเงิน ซึ่งหากเจ้าของรถยนต์ไม่ได้ทำประกันภัยรถยนต์ไว้ เจ้าของรถยนต์ก็ต้องชดใช้คู่กรณีหรือออกค่าซ่อมเองทั้งหมด ซึ่งก็คงใช้เงินจำนวนไม่น้อย นอกจากนีการทำประกันรถยนต์ยังมีข้อดีอื่นอีก เช่น ช่วยคุ้มครองรถยนต์ ถ้าผู้ถือประกันเลือกประเภทที่คุ้มครองแบบครอบคลุมแล้วละก็ หากเกิดกรณีรถยนต์ถูกโจรกรรม หรือไฟไหม้ บริษัทประกันภัยจะใช้เงินทดแทนรถที่หายไปหรือถูกไฟไหม้หรือช่วยประหยัดเงินในการรักษาพยาบาล ซึ่งจะช่วยประหยัดเงินต่อผู้เอาประกันและผู้โดยสารในรถด้วย เพียงแค่จ่ายเบี้ยประกันภัยต่อปีไม่กี่บาท ก็สามารถช่วยรองรับความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุที่อาจะเกิดขึ้น หนึ่งในวิธีเตรียมพร้อมที่ดีที่สุดสำหรับคนมีรถก็คือ การทำประกันรถยนต์
ประเภทประกันรถยนต์
ประกันภัยในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบให้กับลูกค้าได้เลือกตามความต้องการหรือตามงบประมาณ อย่างที่ทราบกันดีอย่างประกันชั้น 1, 2, 2+, 3, 3+ หรือที่เรียกว่า “ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ” โดยที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าแต่ละแบบนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร เราจะมาทำความรู้จักกับความแตกต่างประกันภัยรถยนต์ แต่ละประเภท ช่วยให้มือใหม่เลือกประกันที่เหมาะสมได้ ดังนี้
ประกันรถยนต์ประเภท 1
แม้จะต้องจ่ายเบี้ยรายปีที่สูงก็ตาม แต่ด้วยความคุ้มครองที่ครอบคลุมสำหรับยานพาหนะของทั้งสองฝ่าย ประกันประเภทนี้เป็นประกันภัยรถยนต์ที่ได้รับความนิยมที่สุด
ความคุ้มครอง
- ความเสียหายต่อตัวรถ
- การถูกโจรกรรม
- บาดเจ็บ
- ค่าใช้จ่ายในการลากจูงรถ
- ความเสียหายจากธรรมชาติ เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม
ประกันภัยรถยนต์ประเภท 2
ไม่มีการคุ้มครองสำหรับผู้เอาประกันหากรถเกิดเฉี่ยวชน พลิกคว่ำ สูญหาย เหตุไฟไหม้หรือเกิดอุบัติเหตุ (เมื่อผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายผิด)
ความคุ้มครอง
- ชีวิตร่างกาย
- บาดเจ็บ
- ทรัพย์สิน (เฉพาะคู่กรณีเท่านั้น)
ประกันรถยนต์ประเภท 3
เรียกว่าราคาเบี้ยประกันถูก โดยประกันประเภทนี้ให้ความคุ้มครองเมื่อกรณีผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายผิด โดยมีการคุ้มครองไมเกินวงเงินที่ระบุไว้
ความคุ้มครอง
- เฉพาะชีวิตร่างกาย
- ทรัพย์สิน (คู่กรณีเท่านั้น)
ประกันรถยนต์ประเภท 4
ประกันประเภทนี้มีความคุ้มครองที่ไม่มากนัก เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยได้ใช้งานรถยนต์มากนัก ไม่มีความเสี่ยงในการสูญหายหรือไฟไหม้ เนื่องจากประกันชั้น 4 ไม่มีความคุ้มครองในส่วนนี้ จึงเป็นที่มาของประกันที่มีราคาเบี้ยประกันถูกที่สุด โดยในกรณีที่ผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิดจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนของรถของผู้เอาประกันเอง
ความคุ้มครอง
- ทรัพย์สินบุคคลภายนอกเท่านั้น
ประกันภัยรถยนต์ประเภท 5 (ประกันชั้น 2+/ประกันชั้น 3+)
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ (ประเภท 5) มีราคาเบี้ยประกันที่สูงขึ้นมาเล็กน้อยจากประเภทที่ 2
ความคุ้มครอง ให้ความคุ้มครองเหมือนประเภท 2
- เพิ่มความคุ้มครองต่อตัวรถยนต์ของผู้เอาประกันภัย
- ภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ไฟไหม้
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ (ประเภท 5) ไม่ได้รับความคุ้มครองในส่วนของรถยนต์โดนไฟไหม้
ความคุ้มครอง ให้ความคุ้มครองเหมือนประเภท 3
- เพิ่มความคุ้มครองต่อตัวรถยนต์ของผู้เอาประกันภัยและคู่กรณี (กรณีชนโดยมีคู่กรณี)
หลังจากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหลายคนคงต้องการ “เคลมประกันรถยนต์” นี่คือสิ่งที่คนทำประกันรถทุกคนหรือมือใหม่จำเป็นต้องรู้
แจ้งเคลมประกัน คืออะไร
การเคลมประกันรถยนต์ คือ การเรียกบริษัทประกันมาจัดการปัญหาหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุหรือต้องการซ่อมรถโดยทางบริษัทประกันจะเป็นผู้ออกใบซ่อมให้ ซึ่งการแจ้งเคลมถ้ายังอยู่ในสัญญาก็สามารถแจ้งเคลมได้ไม่จำกัดครั้งและไม่จำกัดว่าเกิดความเสียหายแค่ไหน
ประเภทของการเคลมประกันรถยนต์มีอะไรบ้าง
โดยการเรียกเคลมนั้นมีด้วยกัน 2 รูปแบบ ดังนี้
เคลมประกันรถยนต์แบบสด
คือการเคลม ณ ที่เกิดเหตุ และมีพนักงานบริษัทประกันมาตรวจสอบ ณ ที่เกิดเหตุ โดยสามารถแยกย่อยได้ 2 กรณี
1.1 แบบมีคู่กรณี
การเกิดอุบัติเหตุในรูปแบบรถชนกับรถ (รถชนด้วยกันเอง) ซึ่งจะมีพนักงานจากบริษัทประกันมาตรวจสอบและประเมินสถานการณ์ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิด
โดยฝ่ายที่ผิดอาจจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) ให้กับคู่กรณีก่อน ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้จ่ายแทนลูกค้าให้ก่อนในส่วนแรกของค่าเสียหาย ตามแต่ที่ตกลงไว้กับทางบริษัทประกัน (ทั้ง Deductible และ Excess) และเรียกคืนภายใน 7 วัน
ในกรณีที่ค่าเสียหายเท่ากับหรือน้อย Deductible หรือ excess ลูกค้าจ่ายค่าซ่อมกับอู่โดยตรง อู่ไม่ต้องตั้งเบิกค่าซ่อม
1.2 แบบไม่มีคู่กรณี
รถของผู้เอาประกันเกิดอุบัติเหตุ ในกรณีที่รถของผู้ถือประกันชนกับสิ่งของหรือวัตถุจนเกิดความเสียหายมาก เช่น ชนต้นไม้หรือเสาไฟฟ้า โดยกรณีนี้ผู้ถือประกันจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) ก่อนเสมอ หรือในกรณีที่ถูกรถอื่นชนแล้วหลบหนี ไม่สามารถแจ้งรายละเอียดคู่กรณีได้ แต่หากแจ้งรายละเอียดคู่กรณีได้ และมีการแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับพนักงานสอบสวน ไม่ต้องเสียค่า Deductible หรือ excess เนื่องจากทางบริษัทประกันจะดำเนินการตามเรียกร้องเองในภายหลัง
ขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์แบบสด
- เตรียมเล่มกรมธรรม์และโทรแจ้งศูนย์ประกัน แจ้งหมายเลขกรมธรรม์ ชื่อ ทะเบียนและยี่ห้อรถ ตำแหน่งที่เกิดเหตุ และรายละเอียดเหตุการณ์
- ระหว่างรอตัวแทนประกัน รวบรวมเอกสาร บัตรประชาชน ใบขับขี่ กรมธรรม์ และเล่มทะเบียนรถ สำหรับการยื่นเรื่อง
- หลังประกันประเมินเหตุการณ์ หากเป็นกรณีที่มีคู่กรณีจะต้องตรวจสอบด้วยว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายถูกหรือผิด โดยฝ่ายที่ผิดอาจต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) เพื่อเยียวยาคู่กรณีก่อน ตามแต่ที่ตกลงไว้กับทางบริษัท
- หลังจากได้ข้อสรุปและประเมินค่าเสียหายเรียบร้อยแล้ว ทางบริษัทประกันจะออกใบประเมินความเสียหายให้ผู้ถือประกันนำรถไปเคลมกับอู่ซ่อมรถในเครือบริษัทได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม
เคลมประกันรถยนต์แบบแห้ง
คือ การเคลมหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ ไม่เกิน 2-3 วัน และสาเหตุการเคลมมักจะเกิดจากกรณีที่เกิดการเฉี่ยวชนหรืออุบัติเหตุแบบเบาๆ โดยผู้ถือประกันต้องระบุรายละเอียดการเกิดอุบัติเหตุ วันที่ สถานที่ แล้วจึงแจ้งเคลมกับบริษัทประกัน
โดยกรณีพิเศษคือการ “เคลมรอบคัน” ซึ่งในกรณีเคลมประกันรถยนต์แบบแห้ง การเคลมรอบคันอย่างการเก็บรายละเอียดร่องรอยต่างๆ รอบตัวรถจะมีเพียงแค่การเคลมประกันรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้น
ขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์แบบแห้ง
- ถ่ายรูป ณ ที่เกิดเหตุ หลักฐานความเสียหายต่างๆ รวมถึงข้อมูลเวลาและสถานที่ที่เกิดเหตุ
- ติดต่อแจ้งความเสียหายไปยังศูนย์ประกันเพื่อนัดตรวจสอบสภาพรถว่าเสียหายจริงตามที่แจ้งหรือไม่
- หลังตรวจสอบเรียบร้อยแล้วจะได้รับใบประเมินความเสียหายจากบริษัทประกัน โดยสามารถนำไปส่งเคลมกับอู่ในเครือของบริษัทประกันได้ทันที
*หมายเหตุ : แบบเคลมแห้งอาจมีค่าใช้จ่ายส่วนแรกก่อน ประมาณ 1,000 – 4,000 บาท ตามแต่ตกลงกับบริษัทประกัน
ระยะเวลาพิจารณาเคลมประกันรถยนต์
บริษัทฯ จะจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทน
- ภายใน 15 วัน สำหรับประกันภัยภาคสมัครใจ หลังจากวันที่มีการตกลงเรื่องค่าสินไหมทดแทน
- ภายใน 7 วัน สำหรับประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) หลังจากวันที่มีการตกลงเรื่องค่าสินไหมทดแทน
(ให้วันที่มีการตกลงเรื่องค่าสินไหมทดแทน เป็นวันที่มี การยื่นเอกสารครบถ้วน เคลมได้รับการอนุมัติ และการตกลงค่าเสียหายเป็นที่ยุติแล้ว)
เอกสารสำหรับการเคลมประกันรถยนต์
- สำเนาใบขับขี่ของผู้ขับขี่ขณะเกิดเหตุ
- สำเนาทะเบียนรถ
- สำเนาหน้าตารางกรมธรรม์
- สำเนาบันทึกประจำวัน (แล้วแต่กรณี)
- เอกสารชนแล้วแยก หรือใบหลักฐานยอมรับผิดจากคู่กรณี (แล้วแต่กรณี)
กรณีใดบ้างที่ประกันจะไม่คุ้มครอง
- ใช้รถยนต์ในทางผิดกฎหมาย เช่น ขนส่งยาเสพติด หรือปล้นทรัพย์สิน
- การใช้รถยนต์ผิดประเภท เช่น ใช้แต่งซึ่งเพื่อนำไปแข่งขันซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น
- อุบัติเหตุที่ผู้ขับขี่เมาแล้วขับ (แอลกอฮอล์อยู่ในเลือดเกินกว่า 150 มิลลิกรัม)
- การใช้รถยนต์ผิดประเภท เช่น นำรถไปใช้งานแบบลากจูง ซึ่งทำให้รถยนต์เสียหายโดยไม่ได้เกิดจากการใช้รถแบบปกติ
- นำรถไปใช้นอกอาณาเขตคุ้มครอง (การขับขี่รถนอกประเทศ) แต่หากจำเป็นต้องเอาไปสามารถแจ้งกับทางบริษัทประกันได้แล้วแต่กรณี
- อุบัติเหตุจากสงคราม การปฏิวัติต่อต้าน อาวุธปรมาณู และความเสียหายจากกัมมันตภาพรังสี
หลังจากที่อ่านบทความทุกคนจะทราบว่าการติดต่อเพื่อเคลมประกันรถยนต์กับทางบริษัทประกันนั้นง่ายนิดเดียว เพียงเตรียมเอกสารการส่งเรื่องเคลมให้ครบถ้วนเท่านั้น ก็สามารถยื่นเรื่องเคลมได้อย่างง่ายดาย การทำประกันให้สอดคล้องกับความต้องการของเจ้าของรถนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่จะบริหารจัดการความเสี่ยงที่มากับการใช้รถได้อย่างเหมาะสมนั่นเอง
อ้างอิงข้อมูลจาก : www.azay.co.th, www.ancbroker.com, www.moneyguru.co.th
สามารติดตามข้อมูล โปรโมชั่น มาสด้า ได้ตามที่ช่องทางทั้งหมดนี้เลย!! ส่วนลดสูงสุดมาสด้าโปรดีสุดในประเทศ
—— Mazda City ยินดีให้บริการ ——
Inbox : m.me/mazdacity
Link Line : https://line.me/R/ti/p/%40mazdacitythailand
Line ID : @mazdacitythailand
โชว์รูม-ศูนย์บริการสาขาหัวหมาก : 02-736-3888, 085-6612588
ศูนย์ซ่อมสี-ตัวถังรามคำแหง 69 : 02-718-5060, 091-7727588
Website : https://www.mazdacity.co.th
Youtube : https://bit.ly/3feMh3E
Related posts:
รีวิว ALL-NEW MAZDA BT-50 ปี 2021 ปรับโฉมใหม่ทั้งหมด ดูลุ่มลึก ทรงพลังในแบบรถปิกอัพ แต่ให้ความรู้สึก...
ขั้วแบตเตอรี่...กับเคล็บไม่ลับสำหรับการบำรุงรักษา
Mazda MX-5 ปี 2016 เผยสเปคเครื่องยนต์