ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตก ถนนก็ลื่น เช็กยางรถยนต์ อย่างไรให้ปลอดภัย
ใครบอกว่าประเทศไทยมีเพียงหน้าร้อน ร้อนมาก และร้อนโว๊ย ไม่ใช่เรื่องจริง เดือนพฤษภาคมของทุกปีเป็นสัญญาณของหน้าฝน ฟ้าคะนอง ฝนตก ถนนลื่น ทำให้มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุจากการจราจรมากที่สุด เนื่องจากขณะที่เวลาที่ฝนตก ทำให้บดบังทัศนวิสัยในการมองสภาพจราจรตามท้องถนน ยางรถยนต์จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การขับขี่บนท้องถนนปลอดภัย นอกจากที่ผู้ใช้รถคอยเช็กระบบหม้อน้ำ หรือระบบเบรก ต้องอย่าลืม เช็กยางรถยนต์ ด้วย หมั่นสังเกตตลอดเวลาว่ายางนั้นแบนหรือไม่ มีดอกยางอยู่หรือไม่ ยางเสื่อมสภาพแล้วหรือยัง เพราะยางรถยนต์เป็นสิ่งที่สัมผัสกับถนนโดยตรงและทำงานร่วมกับจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถ ฉะนั้นอย่าลืม เช็กยางรถยนต์ เป็นประจำ เพื่อความปลอดภัยของชีวิตผู้ใช้รถและใช้ถนน
รถชน เป็นหนึ่งในสถิติอุบัติเหตุในหน้าฝน ตามที่กล่าวไว้ในข้างต้นว่า เมื่อฝนตกจะทำให้ทัศนวิสัยในการมองท้องถนนผิดเพี้ยนไป ใช้ความเร็วบนถนนที่ลื่นมากกว่า แต่การขับรถในหน้าฝน สิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้รถควรทำเป็นประจำคือมีสติ การเลือกใช้ยางรถที่มีดอกยางค่อนข้างละเอียดกว่าดอกยางชนิดทั่วไป ซึ่งสามารถช่วยรีดน้ำในถนนได้ดียิ่งขึ้น จะทำให้การขับขี่บนท้องถนนมีความปลอดภัยไปอีกขั้น ในการที่เราจะเปลี่ยนยางทั้งหมด 4 เส้น เป็นเรื่องที่เพิ่มค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ของชาวมนุษย์เงินเดือน เรามีทริคเล็กๆ การขับรถในหน้าฝนให้ปลอดภัยมาฝาก
- กระจกบานหน้าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด เนื่องจากจะทำให้เห็นทัศนวิสัยขณะขับรถ ในขณะที่ฝนตกเราควรปรับความเร็วของใบพัดน้ำฝนให้ Balance กับฝนที่ตกลงมา ลองจินตนาการดูว่าภาพฝนตกลงมาเป็นฝอยไม่หนักมาก ปรับความเร็วของใบพัดน้ำฝนสูงสุด มันจะทำให้ใบพัดปาดน้ำฝนลงมาจากหน้ากระจกจนแห้ง เกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าด ใบพัดฝืดติดขณะใช้งาน และเป็นการเพิ่มการทำงานของใบพัดน้ำฝนจนเกินจำเป็น ผู้ใช้รถควรเปลี่ยนใบพัดน้ำฝนทุก 1 ปี
- ขับรถขณะมึนเมาเป็นสาเหตุแรกที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เมื่อแอลกอฮอล์ทำปฏิกิริยากับร่างกาย จึงทำให้การควบคุมรถผิดเพี้ยนไปจากเดิม ผู้ใช้รถอาจจะมีอาการเวียนหัว หนังตาตก เพื่อความปลอดภัยขณะที่ฝนตกและมีอาการมึนเมาควบคู่ด้วย เราแนะนำให้แวะพักข้างทาง หรือหาโรงแรมเพื่อค้างคืนจะปลอดภัยกว่า
- ไฟเหลืองหมายถึงให้เตรียมหยุด กฎจราจรในข้อนี้ผู้ใช้รถหลายคนกำลังเข้าใจผิดว่าถ้าไฟเหลืองปรากฏขึ้นให้รีบไป ยิ่งในเวลาฝนตกเมื่อเห็นไฟเหลืองแล้วให้เตรียมชะลอรถเพื่อติดไฟแดงระยะหนึ่ง แน่นอนว่าฝนตกถนนต้องลื่น การเผื่อระยะนี้ถือว่าเป็นการป้องกันการลื่นไถลของรถ
- จะรีบไปไหนขับช้าหรือขับเร็วก็ถึงปลายทางเหมือนกัน ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอ ฉะนั้นการขับรถบนท้องถนนที่ฝนกำลังตก ขอให้นึกไว้เป็นลำดับแรกเลยคือการลดความเร็ว ซึ่งความเร็วในการขับรถขณะฝนตกไม่ควรเกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วระดับนี้ถูกวิเคราะห์มาแล้วว่าปลอดภัยที่สุด นอกจากจะลดความเร็วแล้วก็ต้องมีมารยาทในการขับรถด้วย ไม่ทำการแซงซ้ายแซงขวาจนบ่อยครั้ง เนื่องจากการจราจรหน้าฝนมักติดขัดเสมอ
- ต่อเนื่องจากความเร็วของการใช้รถใช้ถนน คือระบบไฟฟ้าของยานพาหนะ ซึ่งผู้ใช้รถจะต้องตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอ ไฟหน้า ไฟเลี้ยว ไฟท้าย ยังคงสภาพใช้งานปกติอยู่หรือไม่ เพราะขณะที่ฝนตกจะทำให้การมองเห็นบิดเบือนไป ถ้าโชคร้ายวันนี้ฝนตกเกิดหนักมาก จากภาพที่ทุกคนจะเห็นเป็นปกติ จะกลายเป็นภาพสีเทาที่บดบังไปด้วยสายฝน
TIP : ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินขณะที่ขับรถกลางพายุฝน เพราะจะทำให้รถคันข้างหลังคิดว่ารถของคุณกำลังประสบอุบัติเหตุหรือเสียระหว่างทาง ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟฉุกเฉิน แต่จงมีสติไว้
- คำนึงถึงมารยาทบนท้องถนน เนื่องจากสภาพจราจรที่ติดขัด ถนนเปียกลื่น จึงทำให้เกิดการชะลอตัวของรถมากกว่าปกติ ผู้ใช้รถจึงต้องคำนึงถึงระยะห่างระหว่างรถคันข้างหน้าและข้างๆ เพราะว่าจะต้องเผื่อระยะเวลาในการเบรกสักนิดนึง ในวันที่โชคเข้าข้าง รถของคุณอาจจะไม่ได้ไปปะทะกับคันข้างหน้าหากเผื่อระยะทางไว้แล้ว
- การเหยียบเบรกสำคัญไม่แพ้กัน ผู้ใช้รถควรมีสติในการเหยียบเบรก ไม่ว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามเหยียบจนสุดคันเบรกเด็ดขาด เพราะการกระทำแบบนั้นยิ่งทำให้รถปัดและลื่นยิ่งขึ้น จนทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอยู่บ่อยครั้ง การเบรกที่ถูกต้องคือเหยียบเบรกเป็นจังหวะ จึก จึก จึก เหยียบและปล่อยทีละนิดๆ วิธีนี้จะทำให้วิถีของรถไม่ปัดและควบคุมง่าย แต่ก็อย่าเบรกบ่อยจนเกินความจำเป็น เพราะจะทำให้คันข้างหลังเกิดความรำคาญได้
- หมั่นตรวจสอบสภาพของยางรถยนต์ ผู้ใช้งานควรศึกษาวิธีเช็กยางรถยนต์ไว้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นแรงดันในยางรถยนต์ การดูลักษณะอย่างที่หมดอายุ หรือแม้แต่การเติมลมที่ถูกต้อง ยางรถที่ดีจะทำให้รถยึดเกาะถนน ไม่เป๋ไม่ปัด และยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้รถอีกด้วย
- โปรดชะลอขณะที่ขับรถผ่านหลุมที่มีน้ำท่วมขัง เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าหลุมนั้นมีความลึกมากน้อยเพียงใด หรือมีสิ่งแปลกปลอมโผล่มาจากหลุมนั้นหรือไม่ กรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น ถ้าขับมาด้วยความเร็วสูงแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อยาง โช๊ค และช่วงล่างอย่างเต็มแรง อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุไม่ร้ายแรง แต่ก็ทำให้เสียเงินประมาณหนึ่ง
นี่เป็นเพียงวิธีการขับรถขณะฝนตก ซึ่งอย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่เราขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนมีเลยคือ สติ เพื่อความปลอดภัยของครอบครัวและตัวคุณเอง และคงไม่มีใครที่อยากให้เกิดอุบัติเหตุอย่างไม่คาดฝันขึ้น ดูเหมือนว่าทุกวิธีที่กล่าวไว้ในข้างต้นนั้นสำคัญไม่แพ้กัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้รถควรทำเป็นประจำนั่นคือการตรวจเช็กยางรถยนต์ เพราะยางรถยนต์คือช่วงล่างที่คอยรองรับน้ำหนัก และรักษาความสมดุลขณะขับขี่บนท้องถนน ยางรถยนต์เป็นสิ่งไม่มีชีวิตที่ต้องการดูแลมากเป็นพิเศษ มีอายุการใช้งาน มีวิธีการตรวจเช็กยางที่ผู้ใช้งานต้องหมั่นตรวจสอบเป็นประจำ เนื่องจากยางรถยนต์คือตัวแปรหลักที่ทำให้รถยนต์มีสมรรถนะการขับขี่ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง และแบกรับน้ำหนักของตัวรถไว้ เราได้รวบรวมวิธีการตรวจเช็กยางรถยนต์แบบง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หัดขับ หรือใคร ก็สามารถปฏิบัติตามได้
รู้หรือไม่? ยางรถยนต์มีวันหมดอายุ
วิธีสังเกตง่ายๆคือ หากยางรถยนต์ของคุณ มีรอยปริร้าว ลักษณะเป็นเส้นๆ นั่นคือสัญญาณเตือนว่าควรเปลี่ยนยางได้แล้ว ถ้าขืนดึงดันใช้ยางที่ปริ อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ยางรถระเบิดได้ แต่ถ้าหากไม่แน่ใจว่านั่นคือรอยปริร้าวหรือไม่ สามารถนำรถเข้าศูนย์เพื่อขอคำปรึกษากับช่างผู้เชี่ยวชาญได้ดอกยางยังสามารถรีดน้ำได้อย่างปกติหรือเปล่า?
ผู้ใช้รถต้องหมั่นตรวจดอกยางเป็นประจำ หรืออย่างน้อยทุกๆ 6 เดือนก็ได้ ควรสังเกตความลึกของดอกยางอยู่เสมอ ถ้าหากว่าดอกยางมีความตื้นจนเกือบมองไม่เห็นลายดอกแล้ว ยินดีด้วย! คุณใช้ยางเส้นนั้นคุ้มมาก และต้องวางแผนเปลี่ยนยางเส้นใหม่ เพื่อความปลอดภัยในการเกาะยึดถนนเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าดขณะเบรกหรือเข้าโค้ง
นั่นแสดงว่าสภาพยางรถยนต์มีพื้นผิวที่แข็งกระด้างมากกว่าปกติ ทำให้ควบคุมทิศทางรถได้ยากกว่าเดิม ในเคสนี้เราเรียกว่า “ยางกระด้าง” วิธีนี้มือใหม่อาจจะไม่ค่อยมีความชำนาญในการสังเกตมากนัก ให้ลองเอานิ้วจิ้มดู หากหน้ายางแข็งจนสิ้นไม่ลง แสดงว่ายางเส้นนั้นผ่านการใช้งานมาอย่างสมบุกสมบันมาระยะหนึ่ง ผู้ใช้รถเตรียมเปลี่ยนยางได้เลยเพื่อความปลอดภัยของชีวิตยางเกิดจากการรั่วซึมหรือบวมนูน
ถ้าอยู่ในเคสที่ร้ายแรงเสี่ยงต่อการขับขี่ ก็จำเป็นจะต้องเปลี่ยนยางรถทันที เพราะถ้าขับรถด้วยอย่างที่มีลักษณะดังกล่าวจะทำให้แบนหรือระเบิดระหว่างทางได้ มีความเสี่ยงสูงมาก ซึ่งบางครั้งผู้ใช้รถอาจจะไม่รู้ตัวว่าอย่างมีอาการรั่วซึมหรือบวมนูน แต่ต้องพยายามสังเกตว่าในขณะที่ขับขี่นั้นพวงมาลัยมีอาการสั่นหรือไม่ หักพวงมาลัยหรือมีการแจ้งเตือนจากหน้าปัดรถไม่รีบตั้งสติแล้วจอดเทียบข้างทางอย่างโดยเร็วยางก็มี MFD เหมือนกันนะ
แน่นอนว่าสินค้าทุกอย่างบนโลกย่อมมีวันผลิตและวันหมดอายุ ยางรถยนต์เองก็เช่นกัน วิธีเช็กวันผลิตของยางรถยนต์อยู่ที่แก้มยาง ซึ่งก่อนที่จะทำการเปลี่ยนยางรถผู้ใช้รถจะต้องตรวจสอบอายุของยางก่อน ว่ายางเส้นนั้นผลิต ใดเมื่อใด ถูกเก็บค้างสต๊อกมานานกี่ปีแล้ว โดยปกติแล้วยางรถยนต์สามารถเก็บได้นานถึง 5 ปีโดยปราศจากการใช้งาน ที่แก้มยางจากการกดตัวเลข 4 ตัว เช่น โดยจะระบุเป็น WW/YY อาทิตย์และปีที่ผลิต แต่เอ๊ะ! มันคืออาทิตย์ไหนกันล่ะ? สำหรับการนับอาทิตย์ของยางรถยนต์การนับเป็น 52 อาทิตย์ของ 1 ปีเปลี่ยนยางตามขนาดและรุ่นของรถ
นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้ยางมีอายุการใช้งานสูง ผู้ขับขี่มีความปลอดภัย เนื่องจากรถทุกชนิดมีจุดประสงค์ในการใช้ ขนาด และชนิด ที่แตกต่างกันไป เพื่อสมรรถนะที่ดีกว่า และเพื่อดัชนีการรับน้ำหนักที่คงที่ ปัจจุบันรุ่นของยางมีให้เลือกอย่างหลากหลาย ซึ่งผู้ใช้รถสามารถเลือกชนิดของยางได้ตามจุดประสงค์ที่ต้องการ เช่น ยางรถสำหรับ SUV, OFF ROAD หรือยางอเนกประสงค์ มากกว่านั้นยางรถในบางยี่ห้อยังออกรุ่นประหยัดมาเอาใจผู้ใช้งาน ที่ราคาเกินคุณภาพ
- หมั่นตรวจเช็กระดับแรงดันลมเดือนละ 1 ครั้ง หรือก่อนออกเดินทางไกล ซึ่งแรงดันลมของรถแต่ละชนิดจะไม่เท่ากัน โดยสามารถแยกได้ตามขนาดของรถยนต์ ดังนี้
- รถยนต์ขนาดเล็กควรเติมลมยางในระดับ 30 PSI
- รถยนต์ขนาดกลางควรเติมลมยางในระดับ 36 PSI
- รถยนต์ขนาดใหญ่ควรเติมลมยางในระดับ 42 PSI
- อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเติมลมยางที่สุด คือ อุณหภูมิปกติไปถึงอุณหภูมิต่ำ เพราะถ้าเราเติมลมยางในขณะที่อุณหภูมิสูงจะต้องบวกเพิ่มประมาณ 4-5 PSI ตามจุดประสงค์การใช้งาน
TIP : ปัจจุบันการหาจุดบริการเติมลม สามารถหาได้ตามปั๊มน้ำมันทั่วไป เครื่องเติมลมใช้งานง่าย มีหน้าปัดบอกความดันลมของยาง มีเสียงเตือนเมื่อถึงความดันลมที่กำหนดไว้
- ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ เพื่อความสมดุลของรถยนต์ ศูนย์ถ่วงไม่ดีอาจจะส่งผลให้รถมีการสั่นสะเทือนมากกว่าปกติ ทำให้เกิดการใช้งานของยางรถยนต์หนักขึ้นและสุดท้ายผมให้ยาวเร็วกว่าปกติ ทุกครั้งที่เปลี่ยนยางอย่าลืมตั้งจุดศูนย์ถ่วงใหม่ หรือมีระยะการใช้งานที่มากกว่า 50,000 กิโลเมตร ก็สามารถตั้งจุดศูนย์ถ่วงได้เช่นกัน
- สำหรับคนที่ใช้รถยนต์เป็นประจำ สามารถสลับยางรถหน้าไปหลัง จากหลังมาหน้าได้ โดยการสลับยางนั้น รถจะต้องผ่านการใช้งานมาแล้วมากกว่า 10,000 กิโลเมตร วิธีนี้จะทำให้การสึกกร่อนของยางทุกเส้น Balance กัน แต่ผู้ใช้รถจะต้องระวังในเรื่องของลมยางเพราะว่าแรงดันลมระหว่างล้อหน้าและล้อหลังอาจจะไม่เท่ากัน
- จุกลมยางจิ๋วหลิวใครว่าไม่สำคัญ? ฟังดูเหมือนจุกลมยางจะเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญเลย แต่คุณกำลังคิดผิด เพราะถ้าหากจุกลมยางกระเด็นหายไป อาจจะส่งผลให้ยางรถยนต์รั่วได้ ทางที่ดีควรสังเกตจุกลมยางเพิ่มด้วย ถ้าดูแล้วพลาสติกเริ่มซีดเปื่อย ให้ผู้ใช้งานรีบซื้อมาเปลี่ยนเพื่อความปลอดภัยของยางรถยนต์
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าควรเปลี่ยนยางเมื่อไหร่?
เราได้รวบรวม checklist ไว้ให้กับผู้ใช้งานได้เอาไว้เช็กสภาพยางที่ผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนาน และเพื่อความสะดวกและความปลอดภัยบนท้องถนน
- ดอกยางสึกหรือไม่
- เนื้อยางแข็งกระด้าง มีรอยปริหรือไม่
- ยังมีอาการปวดบวมหรือไม่
- ยางมีอายุการใช้งานมากกว่า 5 ปีหรือไม่
- ขณะขับขี่สามารถเกาะถนนได้ตามปกติหรือไม่
ถ้าได้ลองเช็กตามลิสท์ที่เราเตรียมไว้ให้ แล้วพบว่ามีมากกว่า 4 ใน 5 ของทั้งหมดที่กล่าวไว้ แสดงว่ายางของคุณกำลังหมดอายุการใช้งาน สมรรถนะในการใช้งานเริ่มถดถอย ควรนำรถไปเปลี่ยนยางตามคำแนะนำของเราตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อความปลอดภัยของท่านเอง
การดูแลยางรถยนต์ไม่ใช่เรื่องที่ยากอย่างที่คิด ผู้ใช้งานสามารถนำวิธีเช็กยางรถยนต์ที่เรารวบรวมไว้ให้ เพียงเท่านี้ก็สามารถขับขี่บนท้องถนนได้ทุกฤดู ไม่ว่าร้อน แดด ฝน ไม่ใช่แค่อย่างที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ การตรวจสอบอะไหล่พื้นฐานหรือสารหล่อลื่นก็จำเป็นจะต้องทำอย่างต่อเนื่องนั่นก็เพราะทุกส่วนสัมพันธ์กัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามขณะขับขี่จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิตทั้งผู้ใช้รถและผู้ที่ใช้ถนนร่วมกัน มารยาทในการขับขี่เป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่จำเป็นจะต้องศึกษาเอาไว้ เพียงเท่านี้คุณก็สามารถขับรถได้อย่างปลอดภัย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : bridgestone.co.th
สามารติดตามข้อมูล โปรโมชั่น มาสด้า ได้ตามที่ช่องทางทั้งหมดนี้เลย!! ส่วนลดสูงสุดมาสด้าโปรดีสุดในประเทศ
—— Mazda City ยินดีให้บริการ ——
Inbox : m.me/mazdacity
Link Line : https://line.me/R/ti/p/%40mazdacitythailand
Line ID : @mazdacitythailand
โชว์รูม-ศูนย์บริการสาขาหัวหมาก : 02-736-3888, 085-6612588
ศูนย์ซ่อมสี-ตัวถังรามคำแหง 69 : 02-718-5060, 091-7727588
Website : https://www.mazdacity.co.th
Youtube : https://bit.ly/3feMh3E
Related posts:
หม้อน้ำรถยนต์ ดูแลรักษาง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง
ความแตกต่างระหว่าง New Mazda CX-3 รุ่น 2021 และรุ่นเดิม มีอะไรบ้าง? Mazda City จะเปรียบเทียบให้ดูกัน...
บริษัท มาสด้า ซิตี้ จำกัด มีผลงานยอดเยี่ยมในไตรมาสที่ 2 โดยสามารถ บรรลุเป้าหมาย การขายเกินกว่า 120% ...