วิธีทำความสะอาด ไส้กรองอากาศ และ ยืดอายุการใช้งาน ด้วยตัวเองง่ายๆ
ไส้กรองอากาศรถยนต์ มีหลายประเภท โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นไส้กรองอากาศแบบแห้ง หรือแบบกระดาษที่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้ถึง 0.001-1 ไมครอน แต่แลกมากับอายุการใช้งานที่สั้น ที่ควรเปลี่ยนทุกๆ 20,000-40,000 กม. หรือเราจะนำออกมาทำความสะอาดทุก 5,000 ก.ม ก็ดี เพื่อช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ได้ ฉะนั้นเราสามารถยืดอายุ หรือสามารถทำความสะอาดเองได้ง่ายๆ ในช่วงเวลาที่ฝุ่น PM 2.5 กำลังเป็นเรื่องที่ควรตระหนัก โดยวันนี้ Mazda City จะมาบอกวิธียืดอายุการใช้งาน และ การทำความสะอาดไส้กรองอากาศรถยนต์ ด้วยตัวเองง่ายๆ ดังต่อไปนี้
ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกับชนิดของ ไส้กรองอากาศ กันก่อน
1. ไส้กรองอากาศชนิดแห้ง ส่วนใหญ่จะทำจากกระดาษกรองพับเป็นครีบ หรือทำจากเส้นใยสังเคราะห์ เส้นใยพืช และขนสัตว์ รถรุ่นใหม่ส่วนใหญ่นิยมใช้ไส้กรองประเภทนี้ เนื่องจากจะมีน้ำหนักเบาแล้ว ยังใช้เนื้อที่น้อย และทำความสะอาดหรือเปลี่ยนใหม่ได้ง่าย
2. ไส้กรองอากาศชนิดเปียก ไส้กรองชนิดนี้ เรียกอีกอย่างได้ว่า ไส้กรองแบบน้ำมัน เนื่องจากใช้น้ำมันเป็นตัวดักจับฝุ่นละออง ส่วนมากจะใช้กันในรถรุ่นเก่า มีลักษณะเหมือนไส้กรองชนิดแห้ง แต่ในแผ่นไส้กรอง จะมีน้ำมันหล่อไว้ภายใน อากาศจะไหลผ่านไปในหม้อกรองลงสู่ด้านล่างที่มีน้ำมันขังอยู่ เศษฝุ่นละอองที่หนักกว่าจะลงไปที่น้ำมัน และถูกดักจับเอาไว้ เมื่ออากาศวนกลับไปสู่ด้านบน ก็จะพาเอาละอองน้ำมันเป็นฝอยเล็กๆ ติดไปด้วย ฝุ่นละอองในอาดาศจะเกาะไปกับฝอยน้ำมันนั้น เมื่อผ่านตะแกรงโลหะก็จะถูกกรองเอาไว้ ไส้กรองอากาศชนิดนี้มักไม่นิยมทำความสะอาด พอฝุ่นจับมากแล้วทิ้งเปลี่ยนใหม่ได้เลย
วิธีเลือกไส้กรองที่ดี
- วัสดุดีมีความแข็งแรง คงทน ดูแล้วไม่พังแตกหรือหักง่ายๆ
- ถอดทำความสะอาดได้ง่าย ไม่ซับซ้อนยุ่งยาก เพราะถ้าถอดมาเป่าได้บ่อยๆ ก็สามารถยืดอายุการใช้งานให้ได้ยาวนานขึ้นอีก
- เลือกแบบที่ดักจับ กรองฝุ่น หรือสิ่งสกปรกได้ดี ไส้กรองที่ดีควรมีคุณสมบัติแบบที่กล่าวมานี้ เพราะถ้ามีฝุ่นละอองหลุดลอดเข้าไปได้ แน่นอนว่าอาจส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ เพราะถ้ามีฝุ่นละอองหรือสิ่งสกปรกหมักหมมอยู่ที่ตัวเครื่องมากๆ นานๆเข้า แบบนี้เครื่องยนต์พังเร็วแน่นอน
- ไส้กรองที่ดี อากาศต้องไหลผ่านได้สะดวก ไม่ตันได้ง่ายๆ การขับขี่ไหลลื่น อัตราการเร่งของเครื่องยนต์ อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ไม่ปล่อยมลพิษในอากาศเช่นควันดำ และต้องมีอัตราการกินน้ำมันแบบไม่เปลือง
วิธีการนำไส้กรองอากาศออกมาทำความสะอาด
- ค่อยๆ ปลดคลิพล็อคโดยดันขึ้นด้านบนก่อน ให้คลิพนั้นแยกออกจากฝาครอบ แล้วค่อยดึงขึ้นทีละตัว
- เมื่อดึงคลิพล็อคครบหมดแล้ว ค่อยๆ ถอดฝาครอบหม้อกรองออกก่อน ต้องค่อยๆ ดึงออกอย่างระมัดระวัง เพราะอาจบาดมือได้ถ้าฝานั้นเป็นเหล็ก
- หมุนนอทสกรูเกลียวที่อยู่ตรงแกนกลางของไส้กรองอากาศออก โดยหมุนในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา
- ค่อยๆ นำไส้กรองอากาศออกมาอย่างช้าๆ เพราะจะมีฝุ่นติดตามไส้กรองอากาศ อาจเกิดฟุ้งกระจายได้
- เมื่อนำออกมาแล้ว ต้องพิจารณาดูว่าควรเปลี่ยนใหม่หรือไม่ (ในกรณีที่ยังไม่ถึงระยะเวลาเปลี่ยนที่กำหนด) โดยสังเกตจากเนื้อผ้า และสีของผ้ากรองว่ามีสีเปลี่ยนแปลงจากของเดิมมากน้อยแค่ไหน ถ้าไม่ดำมาก ก็ลองเป่าดูก่อน
- เมื่อเป่าทำความสะอาดเสร็จแล้ว นำไส้กรองอากาศใส่หม้อกรอง โดยนำด้านที่มีรูของนอทสกรูออกด้านนอก
- นำฝาครอบหม้อกรองมาใส่หลังจากคันสกรูเรียบร้อย โดยต้องดูทิศทางให้ถูกต้อง และตรงล็อค
- เมื่อใส่ฝาหม้อกรองเสร็จแล้ว ต้องรัดด้วยคลิพล็อคอีก 3 ตัวเหมือนเดิม
วิธีทำความสะอาด
- นำแปรงที่เตรียมไว้ ปัดฝุ่น สิ่งสกปรก ออกจากกรองอากาศให้หมด ระวังอย่าปัดแรงเกินไปเพราะจะทำให้กรองอากาศรถยนต์ได้รับความเสียหาย
- เวลาเป่าไส้กรองอากาศ ต้องเป่าจากด้านในออกสู่ด้านนอกเท่านั้น ถ้าเป่าย้อนทาง ลมจะดันให้ฝุ่นละอองฝังตัวลึกแน่นเข้าไปได้อีก และต้องดูทิศทางลมบริเวณนั้นด้วย (ควรอยู่เหนือลม)
- หากต้องการล้างทำความสะอาด จะใช้สำหรับไส้กรองที่เป็นแบบผ้า หรือ ใยสังเคราะห์ ไม่ควรนำไส้กรองแบบกระดาษมาล้างทำความสะอาด
- วิธีการใช้ล้างทำความสะอาด ให้ฉีดน้ำยาล้างกรองอากาศ หรือ น้ำยาล้างจาน ที่ได้เตรียมเอาไว้ให้ทั่วกรองอากาศ จากนั้นปล่อยไว้ประมาณ 20 นาที
- เมื่อครบ 20 นาทีเรียบร้อยแล้วให้นำไปล้างน้ำสะอาดจนกว่าน้ำยาจะออกหมด เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ คือ ให้ล้างโดยไล่จากด้านในไปด้านนอก
- เมื่อล้างด้วยน้ำสะอาดเรียบร้อยแล้ว ให้นำไปตากแดดให้แห้ง ย้ำว่าต้องแห้งจนไม่มีละอองน้ำอยู่ ถ้าใครมีน้ำยาเคลือบกรองอากาศก็สามารถนำออกมาพ่นให้ทั่วได้เลย โดยทิ้งไว้ให้แห้งอีกครั้ง
- นำไขควงไขกรองอากาศประกอบเข้าไปที่เดิม หลังจากนั้นก็ใช้งานได้ปกติ
ข้อควรระวัง
ควรเป่าลมทำความสะอาดจากทิศทางภายในออกสู่ภายนอกเท่านั้น ถ้าเป่าย้อนทาง ลมที่เป่าจะดันให้ฝุ่นละอองฝังตัวลึกแน่นเข้าไปอีก การเป่ากรอง ทำให้อากาศสามารถผ่านกรองได้สะดวกขึ้น ช่วยประหยัดน้ำมัน แน่นอนว่าประสิทธิภาพการกรองอากาศอาจลดลงไปบ้าง แต่ก็ไม่ต้องเปลี่ยนใหม่เร็ว
อายุการใช้งานของไส้กรองอากาศจะสั้นหรือยาว ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และสภาพแวดล้อมเป็นหลัก ระยะการตรวจเชคที่ง่ายที่สุด คือ การวัดจากระยะทางที่รถวิ่งเป็นหน่วยกิโลเมตร โดยทั่วไปบริษัทรถยนต์ใช้วิธีนี้ในการตรวจ โดยกำหนดการเปลี่ยนไส้กรองอากาศไว้ทุกๆ 20,000-40,000 กม.
ระหว่างช่วงการใช้งานที่ยังไม่ถึงเวลาเปลี่ยน เราสามารถยืดอายุการใช้งานของไส้กรองอากาศ โดยการกำจัดฝุ่นละอองที่ไส้กรองอากาศกักไว้ ให้สามารถดักจับฝุ่นใหม่ได้ ด้วยวิธี “เป่า” ทุกๆประมาณ 5,000 กม. หรือถ้าเป็นไปได้ ทุกเดือนยิ่งดี โดยจะต้องเป่าจากภายในออกสู่ภายนอกเท่านั้น ถ้าเป่าย้อนทาง ลมที่เป่าจะดันให้ฝุ่นละอองฝังตัวลึกแน่นเข้าไปอีก การเป่ากรอง ทำให้อากาศสามารถผ่านกรองได้สะดวกขึ้น ช่วยประหยัดน้ำมัน แน่นอนว่าประสิทธิภาพการกรองอากาศอาจลดลงไปบ้าง แต่ก็ไม่ต้องเปลี่ยนใหม่เร็ว
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.autoinfo.co.th , www.easyinsure.co.th , auto.mthai.com , www.autoboy.co.th
สาระความรู้อื่นๆ เกี่ยวกับรถยนต์
Mazda City ยินดีให้บริการ
Inbox : m.me/mazdacity
Link Line : https://line.me/R/ti/p/%40mazdacitythailand
Line ID : @mazdacitythailand
สาขาลุมพินี : 02-059-4488
สาขาหัวหมาก : 085-661-2588
สาขาเซ็นทรัลพระราม 3 : 02-673-5622
หรือ 091-772-7599
Website : https://www.mazdacity.co.th
Related posts:
เริ่มแล้ว ตั้งแต่วันที่ 6-10 กรกฎาคม 2565 กับงาน Fast Auto Show Thailand 2022 Mazda City ยินดีให้บริ...
Mazda2 แรงต่อเนื่อง คว้าแชมป์สองปีซ้อน 2019 เผยความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจประจำปี 2562 ที่ผ่านมา ยอด...
Mazda MX-5 ปี 2016 เผยสเปคเครื่องยนต์